วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

สวนสบาย สไตล์ เรือนตะวัน


สวนแห่งนี้เป็นผลพวงมาจากการที่ผมได้ไปร่วมถ่ายภาพ คอลัมน์บ้านแสนรักของ คุณรุ่งโรจน์ สัจถาวร หรืออาจารย์ต่อ ฉบับประจำเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นสวนที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดและความสมบูรณ์ของสวนโดยไม่มีหลัก การจัดสวนตายตัว แต่เกิดจากความชอบ และการนำศิลปะที่ผู้เป็นเจ้าของรักมาช่วยเติมเต็มให้สวนดูสวยงามและมีเสน่ห์ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนำภาพเหล่านี้มาแบ่งปันให้คุณผู้อ่านได้ชมร่วมกัน

ภาพ โดยรวมของสวนแห่งนี้มีงานประติมากรรมหินทรายเป็นองค์ประกอบหลัก เพราะเป็นชิ้นงานที่ผลิตจากฝีมือของอาจารย์ต่อในชื่อโชว์รูม "เรือนตะวัน" ซึ่งงานหลายๆ ชิ้นที่วางขายตามท้องตลาดในปัจจุบัน คงมีไม่น้อยที่มาจากที่นี่

"จุดเริ่มต้นของสวนคือ ผมมาที่อำเภอปักธงชัยเพื่อตระเวนหาที่ดินสร้างบ้าน สตูดิโอสำหรับออกแบบ และโชว์รูม นอกเหนือจากบ้านที่อยู่ในตัวอำเภอ เมื่อเห็นพื้นที่ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่เจริญเติบโตอยู่หลายต้น ดูคล้ายป่ามาก ทำให้ชอบและตัดสินใจซื้อ โดยบ้านหลังใหม่นี้ต้องการให้มีกลิ่นอายของชีวิตชนบทที่คุ้นเคยในสมัยก่อน เพื่อให้ลูกๆ และครอบครัวได้อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น เพราะผมเชื่อว่า ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตทางจิตใจ ทั้งยังช่วยเพิ่มเติมจินตนาการอีกด้วย

จากพื้นที่ทั้งหมดห้าไร่ แบ่งพื้นที่ด้านหน้าเป็นโชว์รูมสำหรับแสดงงาน บริเวณนี้จะแบ่งเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้า และมีการสร้างบ่อน้ำ เพื่อวางชิ้นงานที่เหมาะสำหรับประดับคู่กับน้ำตก หรืองานประติมากรรมประเภทน้ำพุ เพื่อเป็นไอเดียให้ลูกค้าได้เห็นภาพการนำไปใช้

ถัดเข้ามาตามแนวถนน หลักเป็นพื้นที่ส่วนโรงเรือนสำหรับขึ้นรูปชิ้นงานประติมากรรม สร้างอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ที่เป็นพรรณไม้เดิมหลายชนิด เช่น ต้นจามจุรี ทองหลางด่าง เพื่อเชื่อมโยงบริเวณนี้ให้เข้ากับตัวบ้าน การใช้แนวถนนและวางงานประติมากรรมเป็นระยะ ก็เพื่อเป็นตัวนำสายตาไปสู่ตัวบ้านเรือนไทยอีสาน

"ผมเริ่มต้นปลูก ต้นไม้แบบลองผิดลองถูก เลือกปลูกตามความชอบ ตามใจตัวเองมากกว่าทำตามหลักการ สิ่งแรกที่เริ่มทำก่อนคือขุดสระน้ำ เพราะชอบน้ำ ชอบพรรณไม้น้ำจำพวกบัวต่างๆ อีกอย่างคือคนโบราณเชื่อว่าต้องมีน้ำสำหรับใช้สอยภายในบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นการแยกพื้นที่บ้านกับโรงงานให้ออกจากกัน ทำให้บ้านมีความเป็นส่วนตัว หลังจากขุดสระเสร็จจึงสร้างบ้าน ส่วนต้นไม้ก็หาซื้อมาปลูกเรื่อยๆ โดยเริ่มปลูกจากกล้าไม้ก่อน สวนแห่งนี้จึงต้องใช้เวลาในการจัดให้เป็นสวนสวยค่อนข้างนาน ไม่เร่งรีบ เพราะเราจะเห็นการเจริญเติบโตของสวนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ต้องให้สวนสวยภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ จึงทำให้ภูมิใจว่าต้นไม้ต้นนี้โตมากับเรา พยายามให้ลูกสาวและภรรยาช่วยกันปลูก ให้ครอบครัวมีส่วนร่วม ลูกๆ ก็จะคิดว่าเป็นฝีมือของตัวเอง และจะดูแลรับผิดชอบต้นไม้ที่ปลูก ทำให้เด็กซึมซับการรักต้นไม้ตั้งแต่ยังเล็ก

พรรณไม้ในสวนแห่งนี้ อาจารย์ต่อเลือกใช้ไม้ไทยเป็นส่วนใหญ่ จำพวกต้น ปีบ แก้ว พญาสัตบรรณ และชงโค บริเวณรอบๆ สระน้ำด้านหลังบ้านปลูกหมากสง มะพร้าว เป็นไม้ประธาน ไม้พุ่มและไม้ระดับล่างเลือกปลูกเฮลิโคเนีย และเตยหอม โดยคำนึงถึงความเชื่อของไทยด้วยว่า พรรณไม้ชนิดใดควรปลูกอยู่ทิศไหนของบ้านและชนิดใดปลูกแล้วเป็นมงคลแก่ผู้อยู่ อาศัย

"สวนต้องดูสบายตา ไม่แน่นหรือรก ไม่มีรูปแบบตายตัว มีความเป็นธรรมชาติ ปลูกให้ดูเหมือนว่าต้นไม้ขึ้นเอง ไม่ใช่ปลูกเป็นแปลงๆ เป็นกลุ่มๆ และไม่ต้องมีการวางผังมากมาย อยากปลูกอย่างไร ปลูกตรงไหนก็ปลูกเลย เอาที่เราดูแล้วชอบและสวยในสายตาของเรา"

บริเวณ โดยรอบบ้านหลังนี้เป็นทุ่งนาข้าว ซึ่งเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล เมื่อถึงฤดูฝนสวนแห่งนี้ก็จะถูกโอบล้อมด้วยสีเขียวของต้นข้าว เมื่อฝนตกก็จะได้กลิ่นของไอดินที่คุ้นเคยลอยโชยมากับลม เมื่อถึงฤดูที่ข้าวตั้งท้อง ทุ่งนาก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งทุ่ง สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตในชนบทที่เจ้าของวาดหวังไว้ตั้งแต่แรก

เจ้าของ-จัดสวน : คุณรุ่งโรจน์ - คุณรัตนา สัจถาวร
เรื่อง : อรรถ
ภาพ : ชัยพฤกษ์, ปิยะวุฒิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น