home and garden design
วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556
อยู่กับธรรมชาติ
ธรรมชาติและความสวยงามรอบตัวช่วยสร้างความสบายใจและ ผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัย เมื่อสบโอกาส คุณสาธิต นิลวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงเลือกทำเลสร้างบ้านอยู่นอกเมืองซึ่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติ ประกอบกับการตกแต่งเพิ่มเติม โดยอาศัยความรักและเข้าใจในต้นไม้
"เป็น คนชอบสวนที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่สวนจัดแต่ง แต่ไม่รกและมีความเป็นระเบียบในตัว ผมชอบความโล่ง ชอบสนามหญ้ากว้าง เขียวสวย มองเห็นรอยต่อระหว่างดินกับหญ้า หญ้ากับต้นไม้ และเป็นคนที่ชอบเดินบนสนามหญ้า อย่างที่คนโบราณเขาบอกว่าเท้าเราควรได้สัมผัสกับธรณีบ้าง ไม่ใช่ว่าต้องมีอะไรรองตลอดเวลา สวนของผมจึงออกแบบให้มีสนามหญ้าโล่ง ไม่มีแผ่นทางเดินวางบนพื้นสนาม นึกอยากเดินตรงไหนก็เดิน พื้นที่ส่วนใหญ่ในสวนจึงเว้นไว้สำหรับเป็นสนามหญ้า ปลูกต้นไม้ชิดตัวบ้านและริมรั้วเพื่อพรางสายตาจากภายนอก
"ตอนแรกมีคน ถามว่าทำไมปลูกต้นนี้ชิดกับต้นนั้น ผมก็ตอบว่าเพราะต้องการความเป็นธรรมชาติ ต้นไม้แต่ละต้นพอมาอยู่รวมกันก็สวยได้ เพียงแต่เลือกต้นที่ชอบสภาพปลูกใกล้เคียงกัน ชอบน้ำ ชอบแดดเหมือนๆกัน ปลูกไว้ด้วยกันเพื่อให้ดูแลง่าย เพราะการจัดสวนเป็นการเลียนแบบธรรมชาติ เพียงแต่อาศัยการดูแลของผู้ปลูกเลี้ยง คอยเอาใบไหม้ หรือใบแห้งออกบ้าง ก็จะทำให้ต้นไม้ดูสมบูรณ์ขึ้น หากบริเวณไหนมีสีเขียวเยอะเกินไปแล้ว ก็แซมไม้สีอื่น เช่น สีแดงหรือสีเหลืองบ้าง จะช่วยให้บริเวณนั้นเกิดความเด่นและดูสวยขึ้น จากผืนดินว่างเปล่าแถบชานเมืองได้รับการพลิกฟื้นให้เป็นสวนสวย ซึ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่
"ที่ดินผืนนี้ อยู่ติดคลอง ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2528 แต่เนื่องจากช่วงนั้นต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจยังต่างประเทศ เมื่อกลับมาได้สักพัก ประมาณปี 2542 จึงเริ่มสร้างบ้าน หนีความจอแจในเมือง มาอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ยังเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญมีพื้นที่กว้างพอสำหรับจัดสวน
"เพราะผมเป็นคนชอบทำสวน อยู่แล้ว ชอบเดินตามตลาดต้นไม้ พอเห็นเขาวางต้นไม้หลายๆชนิดอยู่ด้วยกันแล้วดูสวยดี จึงลองซื้อมาปลูกบ้าง บางต้นก็เหมาะ บางต้นก็ไม่เหมาะ แรกๆก็มีลองผิดลองถูกบ้างเหมือนกัน หลังๆเริ่มรู้จักต้นไม้มากขึ้น ประกอบกับก่อนหน้าที่จะไปต่างประเทศ เคยร่วมกับเพื่อนรับจัดสวนเป็นงานอดิเรกอยู่พักหนึ่ง จึงพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง
ดังนั้นเมื่อได้ลงมือจัดสวนเองอีกครั้ง จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเจ้าของบ้าน "เลือกต้นไม้พื้นๆ ดูแลง่าย อย่างดอนย่าผมชอบมาก สังเกตว่าที่นี่ไม่มีไม้ผล เพราะผมชอบปลูกไม้ประดับมากกว่าไม้กินได้ ยกเว้นกล้วยที่ปลูกเพราะรูปทรงสวย อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนสวนเมืองร้อนตามที่เราชอบ หากมุมไหนต้องการให้บรรยากาศเป็นเหมือนป่า ก็ลงต้นไม้จำนวนเยอะหน่อย โดยเลือกที่มีรูปทรงเป็นธรรมชาติ ส่วนต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่ให้ร่มเงาอยู่ตอนนี้ ก็เริ่มปลูกตั้งแต่ต้นยังเล็ก อย่างหว้า สัตบรรณ สุพรรณิการ์ ชงโค เลี่ยน
" วันธรรมดาจะมีโอกาสเดินดูต้นไม้ก่อนไปทำงาน หากวันไหนกลับมาเร็วก็จะไปออกกำลังกาย จากนั้นก็กลับมาดูต้นไม้ ส่วนวันหยุดจะมีเวลาดูแลได้เต็มที่กว่า เพราะดูต้นไม้อยู่ทุกวัน จึงเห็นความเปลี่ยนแปลง หากใครมาตัดใบไม้กิ่งไม้ของผมๆจะจำได้ เรื่องนี้คนรักต้นไม้จะรู้ดี นอกจากต้นไม้และของแต่งสวนซึ่งส่วนใหญ่เป็นโอ่ง ไห ให้บรรยากาศของสวนไทยๆ แล้ว ยังมีสัตว์เลี้ยงอย่างไก่แจ้ ที่คอยโก่งคอส่งเสียง ช่วยสร้างบรรยากาศของบ้านในชนบทอีกด้วย
" ไก่แจ้เริ่มจากซื้อมาหนึ่งคู่ ตอนนี้ก็ออกลูกออกหลานเป็นรุ่นที่สี่แล้ว เลี้ยงง่าย เขาจะเข้าไปไข่ในครัวบ้าง บนระแนงหลังคาบ้าง ส่วนสุนัขเลี้ยงไว้ 2 ตัว ก็มีคุ้ยสนามบ้างแต่ไม่บ่อยนัก เพราะเราจะคอยสอนเขา กับไก่แจ้เขาก็อยู่ด้วยกันได้นะ" ยังมีสัตว์อื่นๆอีกหลายชนิด อย่าง กระรอก นก และผีเสื้อ ที่ช่วยสร้างสีสันและแต่งแต้มบรรยากาศ ธรรมชาติในสวนให้สวยงามน่าอยู่ยิ่งขึ้น
เรื่อง : "ทิพาพรรณ"
ภาพ : "ชัยพฤกษ์"
เจ้าของ-จัดสวน : คุณสาธิต นิลวงศ์
บ้านอิงภู สวนอิงธาร
บ้านอิงภู สวนอิงธาร
ฝ่าไอหมอกในตอนเช้าของเมืองเชียงใหม่
ลัดเลาะไปตามเส้นทางขึ้นเนินเตี้ยสลับกับลาดชันมุ่งสู่อำเภอสะเมิง
เพื่อสัมผัสลมหนาวท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติกับบรรยากาศของสวนสวยที่
“บ้านภูธารา” บ้านสไตล์ล้านนา
ที่แฝงตัวอยู่ภายใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่และเสียงกระซิบของสายธาร คุณจิรวิชญ์
อัยยะศิริ
ผู้ดูแลแนวคิดในการออกแบบจัดสวนทั้งหมดของบ้านภูธารากล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ
การจัดสวนแห่งนี้
“ลักษณะของพื้นที่เป็นที่ราบเล็กๆ
อยู่กลางหุบเขา ด้านหนึ่งอยู่ติดลำธารธรรมชาติ
และด้านที่เหลืออยู่ติดทิวเขา เสมือนเป็นฉากหลังให้กับพื้นที่แห่งนี้
เมื่อได้มาเห็นแล้ว
รู้สึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างแท้
จริง
จึงดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จากเดิมที่เป็นแปลงเกษตรใช้ปลูกผักของชาวบ้าน
ให้เป็นสวนอย่างที่เห็นนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาร่วมสองปีทีเดียว
“ความ
ต้องการเบื้องต้นก็คือ อยากได้สวนที่ดูสะอาดสะอ้าน
เน้นความเป็นสวนเมืองร้อน
และเนื่องจากสภาพพื้นที่เดิมมีลำธารธรรมชาติไหลผ่าน
จึงต้องปรับภูมิทัศน์ทั้งหมดด้วยการสร้างลำธารและน้ำตกขึ้นมาใหม่เพื่อให้
กลมกลืนกับของเดิม โดยใช้วิธีทดน้ำจากลำธารธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่
เพราะต้องการให้บ้านดูเหมือนเป็นเกาะที่มีน้ำและภูเขาล้อมรอบ
คุณ
จิรวิชญ์เล่าถึงขั้นตอนหลักของการจัดสวนแห่งนี้ว่า
ต้องวางรูปแบบภาพรวมของสวนก่อน โดยดูจากสภาพความลาดชันของพื้น
และเน้นการวางตำแหน่งต้นไม้และลำธารให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ไม่ขัดต่อทัศนียภาพของพื้นที่
และให้สัมพันธ์กับระบบนิเวศน์ของธรรมชาติบริเวณรอบๆ ด้วย
“ผมได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ท่านหนึ่ง เรื่องการวางต้นไม้
โดยท่านให้กำหนดตำแหน่งไม้ใหญ่ที่จะให้เป็นพระเอกก่อน
ส่วนนางเอกเป็นไม้ขนาดกลาง บริวารทั่วไปเป็นไม้ขนาดเล็ก
จากนั้นดูขนาดทรงต้นและแยกประเภท จัดวางให้เป็นกลุ่มก้อนไม่ให้กระจัดกระจาย
วางหินทำเป็นน้ำตกตามลักษณะของพื้นที่
แล้วค่อยกำหนดตำแหน่งสำหรับสร้างบ้าน เพราะคอนเซ็ปต์หลักของผมคือ
บ้านต้องหลบต้นไม้ไม่ใช่ว่าปลูกต้นไม้หลบบ้าน เอาสวนเป็นพระเอก
บ้านเป็นพระรอง เน้นการคืนสู่ธรรมชาติเป็นหลัก
ให้สิ่งก่อสร้างดูกลมกลืนกับธรรมชาติ และมีความเป็นท้องถิ่นรวมอยู่ด้วย
จึงสร้างบ้านที่มีกลิ่นอายของล้านนาประยุกต์ผสมผสานกัน
“พรรณไม้ที่
ผมเลือกใช้นั้นต้องมีทรงต้นสวย ฟอร์มสวย อย่างพวกต้นปาล์ม
หรือเป็นต้นที่มีคาแร็คเตอร์ชัดเจน เช่น พรรณไม้หอมหรือไม้แปลก
ที่ทรงต้นดูพิการๆ บิดๆ เบี้ยวๆ มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น
ต้นปรงไข่ที่แตกกอสวยในน้ำ ต้นฟิโลใบมะละกอที่ใบดูบิดไปมา
ไม่ต้องมีการตัดแต่ง และดูเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือต้องดูแลรักษาง่าย
มีสีสันบ้างตามฤดูกาล
และจะเลือกใช้พันธุ์ไม้ที่ปลูกครั้งเดียวแล้วสามารถอยู่ได้ตลอด
ไม่ค่อยเลือกปลูกไม้ล้มลุก เพราะต้องเปลี่ยนบ่อย
บางต้นอาจจะมีราคาแพงสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ขอแค่ซื้อครั้งเดียวแล้วจบ
จะได้ไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษามากนัก เพราะถ้าเรารู้จักดูแล
สวนก็จะอยู่กับเราได้ตลอดไป”
สวนสวยที่เกิดจากการปรับสภาพพื้นที่
เพื่อให้พรรณไม้เจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงให้กลมกลืนกับธรรมชาติ
หากใครได้มาสัมผัสนอกจะรู้สึกถึงความชุ่มชื่นเย็นสบายแล้ว
ยังได้ความผ่อนคลายจากเสียงไหลรินของสายธาร
ความรู้สึกสงบนิ่งและอบอุ่นของขุนเขาที่โอบล้อมสวนแห่งนี้
ถือเป็นเสน่ห์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไว้ให้กับเรา
จัดสวน : คุณจิรวิชญ์ อัยยะศิริ
เรื่อง : อรรถ
ภาพ : ชัยพฤกษ์
สวนสบาย สไตล์ เรือนตะวัน
สวนแห่งนี้เป็นผลพวงมาจากการที่ผมได้ไปร่วมถ่ายภาพ คอลัมน์บ้านแสนรักของ คุณรุ่งโรจน์ สัจถาวร หรืออาจารย์ต่อ ฉบับประจำเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นสวนที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดและความสมบูรณ์ของสวนโดยไม่มีหลัก การจัดสวนตายตัว แต่เกิดจากความชอบ และการนำศิลปะที่ผู้เป็นเจ้าของรักมาช่วยเติมเต็มให้สวนดูสวยงามและมีเสน่ห์ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนำภาพเหล่านี้มาแบ่งปันให้คุณผู้อ่านได้ชมร่วมกัน
ภาพ โดยรวมของสวนแห่งนี้มีงานประติมากรรมหินทรายเป็นองค์ประกอบหลัก เพราะเป็นชิ้นงานที่ผลิตจากฝีมือของอาจารย์ต่อในชื่อโชว์รูม "เรือนตะวัน" ซึ่งงานหลายๆ ชิ้นที่วางขายตามท้องตลาดในปัจจุบัน คงมีไม่น้อยที่มาจากที่นี่
"จุดเริ่มต้นของสวนคือ ผมมาที่อำเภอปักธงชัยเพื่อตระเวนหาที่ดินสร้างบ้าน สตูดิโอสำหรับออกแบบ และโชว์รูม นอกเหนือจากบ้านที่อยู่ในตัวอำเภอ เมื่อเห็นพื้นที่ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่เจริญเติบโตอยู่หลายต้น ดูคล้ายป่ามาก ทำให้ชอบและตัดสินใจซื้อ โดยบ้านหลังใหม่นี้ต้องการให้มีกลิ่นอายของชีวิตชนบทที่คุ้นเคยในสมัยก่อน เพื่อให้ลูกๆ และครอบครัวได้อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น เพราะผมเชื่อว่า ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตทางจิตใจ ทั้งยังช่วยเพิ่มเติมจินตนาการอีกด้วย
จากพื้นที่ทั้งหมดห้าไร่ แบ่งพื้นที่ด้านหน้าเป็นโชว์รูมสำหรับแสดงงาน บริเวณนี้จะแบ่งเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับลูกค้า และมีการสร้างบ่อน้ำ เพื่อวางชิ้นงานที่เหมาะสำหรับประดับคู่กับน้ำตก หรืองานประติมากรรมประเภทน้ำพุ เพื่อเป็นไอเดียให้ลูกค้าได้เห็นภาพการนำไปใช้
ถัดเข้ามาตามแนวถนน หลักเป็นพื้นที่ส่วนโรงเรือนสำหรับขึ้นรูปชิ้นงานประติมากรรม สร้างอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ที่เป็นพรรณไม้เดิมหลายชนิด เช่น ต้นจามจุรี ทองหลางด่าง เพื่อเชื่อมโยงบริเวณนี้ให้เข้ากับตัวบ้าน การใช้แนวถนนและวางงานประติมากรรมเป็นระยะ ก็เพื่อเป็นตัวนำสายตาไปสู่ตัวบ้านเรือนไทยอีสาน
"ผมเริ่มต้นปลูก ต้นไม้แบบลองผิดลองถูก เลือกปลูกตามความชอบ ตามใจตัวเองมากกว่าทำตามหลักการ สิ่งแรกที่เริ่มทำก่อนคือขุดสระน้ำ เพราะชอบน้ำ ชอบพรรณไม้น้ำจำพวกบัวต่างๆ อีกอย่างคือคนโบราณเชื่อว่าต้องมีน้ำสำหรับใช้สอยภายในบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นการแยกพื้นที่บ้านกับโรงงานให้ออกจากกัน ทำให้บ้านมีความเป็นส่วนตัว หลังจากขุดสระเสร็จจึงสร้างบ้าน ส่วนต้นไม้ก็หาซื้อมาปลูกเรื่อยๆ โดยเริ่มปลูกจากกล้าไม้ก่อน สวนแห่งนี้จึงต้องใช้เวลาในการจัดให้เป็นสวนสวยค่อนข้างนาน ไม่เร่งรีบ เพราะเราจะเห็นการเจริญเติบโตของสวนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ต้องให้สวนสวยภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ จึงทำให้ภูมิใจว่าต้นไม้ต้นนี้โตมากับเรา พยายามให้ลูกสาวและภรรยาช่วยกันปลูก ให้ครอบครัวมีส่วนร่วม ลูกๆ ก็จะคิดว่าเป็นฝีมือของตัวเอง และจะดูแลรับผิดชอบต้นไม้ที่ปลูก ทำให้เด็กซึมซับการรักต้นไม้ตั้งแต่ยังเล็ก
พรรณไม้ในสวนแห่งนี้ อาจารย์ต่อเลือกใช้ไม้ไทยเป็นส่วนใหญ่ จำพวกต้น ปีบ แก้ว พญาสัตบรรณ และชงโค บริเวณรอบๆ สระน้ำด้านหลังบ้านปลูกหมากสง มะพร้าว เป็นไม้ประธาน ไม้พุ่มและไม้ระดับล่างเลือกปลูกเฮลิโคเนีย และเตยหอม โดยคำนึงถึงความเชื่อของไทยด้วยว่า พรรณไม้ชนิดใดควรปลูกอยู่ทิศไหนของบ้านและชนิดใดปลูกแล้วเป็นมงคลแก่ผู้อยู่ อาศัย
"สวนต้องดูสบายตา ไม่แน่นหรือรก ไม่มีรูปแบบตายตัว มีความเป็นธรรมชาติ ปลูกให้ดูเหมือนว่าต้นไม้ขึ้นเอง ไม่ใช่ปลูกเป็นแปลงๆ เป็นกลุ่มๆ และไม่ต้องมีการวางผังมากมาย อยากปลูกอย่างไร ปลูกตรงไหนก็ปลูกเลย เอาที่เราดูแล้วชอบและสวยในสายตาของเรา"
บริเวณ โดยรอบบ้านหลังนี้เป็นทุ่งนาข้าว ซึ่งเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล เมื่อถึงฤดูฝนสวนแห่งนี้ก็จะถูกโอบล้อมด้วยสีเขียวของต้นข้าว เมื่อฝนตกก็จะได้กลิ่นของไอดินที่คุ้นเคยลอยโชยมากับลม เมื่อถึงฤดูที่ข้าวตั้งท้อง ทุ่งนาก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งทุ่ง สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตในชนบทที่เจ้าของวาดหวังไว้ตั้งแต่แรก
เจ้าของ-จัดสวน : คุณรุ่งโรจน์ - คุณรัตนา สัจถาวร
เรื่อง : อรรถ
ภาพ : ชัยพฤกษ์, ปิยะวุฒิ
สวนกลางเมือง
จำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ครอบครัวภูวเจริญต้องขยายพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน โดยสร้างอาคารชั้นเดียวขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง ให้เชื่อมต่อกับตัวอาคารหลังเดิมซึ่งเป็นบ้านเก่าอายุกว่า 50 ปี การต่อเติมอาคารครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการปรับปรุงสวนตามมา มุมมองใหม่ๆจากภายในบ้านจึงเกิดขึ้น โดยได้ คุณพิเชษฐ์ วานิชเจริญธรรม -สถาปนิก เป็นผู้กำหนดแนวคิดในการออกแบบ
"เมื่อพื้นที่ใช้สอย เดิมเริ่มคับแคบ ผมจึงแนะนำเจ้าของบ้านว่า ควรสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง โดยกำหนดให้เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ของเจ้าของบ้าน และออกแบบให้มีห้องกระจกเป็นส่วนเชื่อมต่อกับบ้านเก่า ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นส่วนที่ใช้งานบ่อยที่สุด เป็นทั้งห้องนั่งเล่น และห้องอาหารที่มองออกไปเห็นสวนทั้งสองฝั่ง โดยออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ใช้วัสดุหินทรายเข้ามาช่วยตกแต่งผนัง เนื่องจากต้องการให้อาคารดูเป็นส่วนหนึ่งของสวน
"สวนด้านหน้า ห้องกระจก ปลูกพรรณไม้เมืองร้อนให้รับกับสวนส่วนอื่นๆ ส่วนด้านหลัง ออกแบบเป็นสวนครัวและอีกบริเวณที่เชื่อมต่อกับสำนักงานซึ่งเดิมเป็นที่รก ร้าง ผมเสนอเจ้าของบ้านว่า หากปรับปรุงเป็นสวนจะดีมาก โดยออกแบบให้มีมุมนั่งเล่น ต่อเนื่องกับสำนักงาน ซึ่งคุณศุภกิจ มีลาภ - นักจัดสวน ได้ร่วมกันสานต่อแนวคิดนี้ขึ้นมา "
การออกแบบและจัดสวน แห่งนี้ นอกจากจะเน้นตอบสนองความต้องการแล้ว ยังออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งคุณศุภกิจได้สรุปความต้องการออกมาดังนี้
"เนื่องจากเจ้าของบ้านต้อง การความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้ผู้ที่นั่งในศาลาฝั่งสำนักงาน มองเข้ามาเห็นที่นั่งเล่นภายในบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้มืดทึบ จึงออกแบบให้มีสวนพรางบริเวณหน้าห้องนั่งเล่น โดยเจ้าของต้องการต้นไม้ที่ดูแลง่าย เป็นไม้เมืองร้อน รูปทรงอิสระ เดิมทียังไม่ได้ทำจุดรับน้ำ เมื่อน้ำตกลงมาจากชายคา ผนังสีขาวด้านข้างจะเกิดเป็นรอยด่างดำ จึงแก้ปัญหาด้วยการทำจุดรับน้ำ น้ำจะตกลงมาบนพื้นกรวดด้านล่างซึ่งเป็นรางระบายน้ำจึงไม่เกิดน้ำท่วมขัง
"ด้าน หลังบ้านออกแบบเป็นสวนครัว เนื่องจากครอบครัวนี้จะทำอาหารรับประทานที่บ้าน จึงคิดว่าทำอย่างไร ให้สวนครัวดูไม่รก และทันสมัยเข้ากับลักษณะของตัวบ้าน ผมจึงออกแบบแปลงปลูกพืชเป็นลายเส้นปูน มีค้างปลูกไม้เลื้อยเพื่อบังเรือนคนรับใช้บริเวณด้านหลัง เมื่อบวบที่ปลูกเลื้อยขึ้นบนดาดฟ้า ซึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องนอน จึงช่วยให้เกิดภาพที่สวยงาม ลดแสงสะท้อน และความร้อนที่สะท้อนพื้นปูนเข้ามาในห้อง
"สวนด้านหน้าที่เชื่อมต่อ กับสำนักงาน เดิมเคยจัดไว้ แต่เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดดจัด เมื่อต้นไม้ใหญ่เริ่มโต หญ้าที่ปลูกไว้จึงตายหมด เหลือเพียงดินกับแผ่นทางเดินหินทราย เมื่อถึงคราวปรับปรุงสวนใหม่ จึงเปลี่ยนเป็นไม้ทนร่มประเภทไม้ใบที่ไม่ต้องดูแลมากนัก ส่วนที่เคยเป็นหญ้าเปลี่ยนเป็นพื้นกรวดทั้งหมด และเนื่องจากเจ้าของบ้านมีหลาน 2 คน ช่วงเย็นจะออกมานั่งเล่นดูหลาน จึงหาจุดวางม้านั่ง และทำบ่อทรายสำหรับเด็ก โดยออกแบบให้บ่อทรายมีขนาด ไม่ใหญ่นัก และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้เสมอ หากอนาคตไม่ได้ใช้ก็สามารถยกไม้หมอนออก แล้วถมทราย โรยกรวด ปรับเป็นพื้นปกติได้
"รอบๆสวนทาสีรั้วด้วยสีเขียวเพื่อพรางตาให้ พื้นที่ดูกว้างกว่าความเป็นจริง และดูเข้ากับพรรณไม้ที่ปลูกซึ่งยังขึ้นไม่เต็มแนวรั้ว ส่วนเฟอร์นิเจอร์ และกระถางเดิมที่สามารถใช้งานได้ ก็จะนำกลับมาใช้อีกเพื่อไม่ให้สิ้นเปลือง "
ทั้ง หมดนี้ ช่วยให้สวนสำเร็จลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคุณอำภา ภูวเจริญ เจ้าของบ้านบอกว่า หลังการปรับปรุงบ้านและสวนครั้งนี้เสร็จสิ้น สภาพบรรยากาศภายในบ้านดีขึ้นมาก มีการเชื่อมต่อของกันและกันได้อย่างลงตัว ทุกคนในบ้านได้ออกมาใช้ประโยชน์ในสวน ซึ่งนอกจากสวนจะสร้างภาพลักษณ์ที่สวยงามให้กับบ้านแล้ว ขณะเดียวกันบ้านก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของสวนได้เช่นกัน
ท่ามกลางตึก สูงระฟ้ากลางเมืองที่แออัด จึงยังมีบ้านที่ถูกโอบล้อมด้วยสวน ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นและร่มรื่นในพื้นที่ขนาดเล็ก ที่หลายคนสามารถทำได้
เรื่อง :"ทิพาพรรณ"
ภาพ : อภิรักษ์ สุขสัย,นันทิยา บุษบงค์
เจ้าของ : คุณอำภา - คุณจิรศักดิ์ ภูวเจริญ
สถาปนิก : คุณพิเชษฐ์ วานิชเจริญธรรม
จัดสวน : คุณศุภกิจ มีลาภ
สีสันวันพักผ่อน
ด้วย สเกลของพื้นที่บ้านค่อนข้างกว้างใหญ่เกือบสองไร่ จึงแบ่งสรรพื้นที่ออกเป็นหลายๆมุม ให้แต่ละมุมมีจุดนั่งพักผ่อน โดยให้ความสำคัญกับมุมต่างๆแตกต่างกันไป เช่น มุมนั่งเล่นจุดแรก ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของบ้าน เนื่องจากอยู่ริมน้ำตก เป็นพื้นที่ซึ่งออกแบบไว้สำหรับจัดปาร์ตี้ในหมู่เพื่อนฝูง น้ำตกบริเวณนี้ออกแบบให้มีลักษณะเป็นน้ำตกธรรมชาติ เนื่องจากเจ้าของบ้านชื่นชอบ โดยใช้หินนกกระทาที่มีลักษณะกลมมนแทนหินทรายแดงสีจัด เพื่อไม่ให้สีสันของหินดูเด่นกว่าบริเวณที่นั่งเล่น ซึ่งทาสีน้ำเงินแฝงความเป็นโมเดิร์น ส่วนพื้นไม้เน้นสีธรรมชาติ ที่ยังคงความอบอุ่นและเป็นกันเอง และออกแบบให้มีทางเดินเชื่อมต่อไปยังบริเวณจุดนั่งเล่นอื่นๆด้วย ถัดเข้ามาบริเวณหน้าบ้าน ออกแบบให้มีมุมนั่งเล่นมุมที่สอง ซึ่งสามารถนั่งมองเห็นน้ำตกได้อย่างชัดเจน บริเวณนี้ออกแบบที่นั่งไม้ให้มีลักษณะโค้ง เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และไม่เป็นทางการ มุมพักผ่อนอีกมุมหนึ่ง ซึ่งตั้งใจออกแบบให้ลูกชายเจ้าของบ้าน โดยใช้สีสันและการตกแต่งมาช่วยสร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน กระฉับกระเฉง ให้กับวันสบายๆ
มุมนั่งเล่นมุมที่สามเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของบ้าน เนื่องจากลูกชายเจ้าของบ้านยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น จึงใส่สีสันเข้าไปให้ดูเด่น เพราะต่อไปในอนาคตบริเวณนี้จะร่มรื่นขึ้น ด้วยกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ “หากเราใช้สีพาสเทลจะกลมกลืนเกินไป จึงเลือกใช้สีม่วงและน้ำเงิน ทำให้บริเวณที่นั่งเล่นดูโดดเด่นขึ้นมา โดยคำนึงถึงภาพรวมในระยะยาวด้วย ตัวที่นั่งและพนักพิงเน้นฟังก์ชันที่เรียบง่ายแต่ใช้ได้จริง ส่วนแนวทางเดินออกแบบให้ดูเท่ เลือกใช้พรรณไม้ที่มีสีสันตัดกับสีของวัสดุ อย่างสับปะรดประดับ หญ้าเม็กซิโก และโพธิ์แดง รวมทั้งเล่นระดับกับพื้นและกำแพง ส่วนฉากหลังออกแบบให้เป็นระแนงไม้สำหรับพรางสายตา ไม่ให้เห็นมุมมองที่หลุดออกไป และปลูกไม้เลื้อยอย่างสร้อยอินทนิล ดอกสีม่วง เพื่อลดความแข็งของระแนงไม้ อีกทั้งสีสันของดอกยังเข้ากับสีของที่นั่งด้วย”
นอกจากมุมดังกล่าว แล้ว ยังมีอีกบริเวณหนึ่งที่ออกแบบอย่างได้มีสีสัน โดยใช้โมเสกปูบริเวณที่นั่งและพนักพิงซึ่งออกแบบเป็นรูปครึ่งวงกลม เหมาะสำหรับการนั่งคุยชั่วคราว ลักษณะดังกล่าวแฝงความทันสมัยไว้ด้วย บริเวณนี้เหมาะสำหรับนั่งเล่นได้ประมาณ 3-4 คน สาเหตุที่ใช้โมเสกปะติดก็เพื่อให้มีลวดลายที่ดูแล้วสนุกไม่นิ่งเกินไป เพราะเห็นว่าน่าจะเหมาะกับลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ส่วนมุมนั่งเล่นบริเวณหลังบ้าน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ออกแบบให้มีที่นั่งพักผ่อนสำหรับอ่านหนังสือ เชื่อมต่อกับบริเวณสวนครัวที่ออกแบบแปลงปลูกเป็นล็อคๆอย่างเป็นระเบียบ แม้จะมีการเก็บผลผลิตของพืชผักเหล่านี้จนต้นเว้าแหว่งไปบ้าง แต่สวนครัวก็ยังคงสวยงามและดูไม่รก
มุมนั่งเล่นบริเวณหลังบ้าน เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับให้เจ้าของบ้านนั่งเล่นอ่านหนังสือยามเย็น สีของมุมพักผ่อนเลือกโทนสีธรรมชาติที่ดูอบอุ่น ออกแบบให้ต่อเนื่องกับมุมสวนครัว การออกแบบสวนครัว ภาพแรกที่คิดไว้คือจะไม่ยกแปลงธรรมดา แต่จะจัดแบ่งฟังก์ชันให้รู้ว่าเป็นมุมสวนครัว มีกระบะที่ใช้เสาเก่ายกสเต็ปขึ้นมา โดยแบ่งสัดส่วนสำหรับปลูกผักเป็นล็อกๆ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล ตัวกระบะทาสีขาวให้ดูเด่น รั้วทาสีเขียวเพื่อให้กลมกลืนกับภาพรวมของสวนและต้องการให้ซุ้มระแนงไม้ดู เด่นกว่า อีกทั้งยังออกแบบให้เป็นฉากหลังสำหรับบังแท็งก์น้ำบริเวณด้านหลังด้วย
แม้ เจ้าของบ้านจะชื่นชอบสวนแนวธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ไม่ปฏิเสธสีสันความทันสมัย ทำให้มุมนั่งเล่นแต่ละมุม ซึ่งออกแบบและตกแต่งอย่างแตกต่าง สามารถเชื่อมต่อกันและสร้างสีสันให้กับวันพักผ่อนได้อย่างลงตัว
เรื่อง : "ทิพาพรรณ"
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ
ออกแบบ-จัดสวน : คุณวรวิทย์ ฤทธิ์เต็ม
วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556
สวนต่าง..สวนตอบ
หากคิดจะจัดสวน นอกจากความร่มรื่นสวยงามแล้ว สิ่งที่เจ้าของสวนส่วนใหญ่ต้องการคือ สามารถตอบสนองการใช้งาน รวมทั้งแสดงออกถึงรสนิยมส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัว
หลังย้าย เข้าบ้านหลังใหม่ "อู๋" นวพล ภูวดล นักแสดงจากค่าย 7 สี และคุณพ่อบุญชู จันทร์เพ็งลิ้มโอชา ได้ตระเวนหานักจัดสวนที่ถูกใจ สามารถตอบโจทย์ข้างต้นได้ ซึ่งเมื่อได้เห็นผลงานของคุณจาตุรนต์ เกตุบุญลือ แห่งร้านบันดาลี ใกล้เคียงกับความชอบของตัวเอง จึงได้ติดต่อให้จัดสวนให้
แม้ความทันสมัยของตัวบ้านกับธรรมชาติของสวนจะดูต่างกัน แต่ผู้ออกแบบก็สามารถจัดให้กลมกลืนต่อเนื่องกันได้
"บ้าน เป็นแนวโมเดิร์น จึงเริ่มหาจุดเชื่อมโยงกับสวน เพื่อจะได้ไม่ต้องปรับเปลี่ยนตัวบ้าน ก็สังเกตเห็นพื้นผิวบ้านบริเวณเสาเป็นอิฐดินเผาสีน้ำตาล จึงดึงอารมณ์นี้ออกมาไว้ในสวน และนำอิฐมอญ ไม้ และวัสดุสีเอิร์ธโทนมาเล่น อย่างหน้าต่างห้องนั่งเล่นที่มองออกมาแล้วเห็นสวน จะติดผ้าม่านสีน้ำตาลงาช้างเพื่อเบรคให้ทุกอย่างดูนุ่มลง"
"การออก แบบจะดึงความเป็นไทยและบาหลีร่วมสมัยเข้ามา เจ้าของต้องการศาลานั่งพักผ่อน นั่งได้ประมาณ 10 คน พื้นขอสะอาดๆ สามารถเดินเท้าเปล่าได้ ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเหมือนพื้นสวน ขอให้มีน้ำ"
"สำหรับสวน แห่งนี้จะไม่ได้เขียนแบบ โดยอันดับแรกจะวางฮาร์ดสเคปก่อนว่าตรงไหนควรมีศาลา เริ่มจากศาลาใหญ่ก่อน จากนั้นจึงเป็นศาลาเล็ก แล้วก็ทำน้ำตก เนื่องจากบริเวณนี้มีพื้นที่แคบ เพื่อไม่ให้อึดอัด เราจึงทำน้ำตกเป็นแผงยาวขนานไปกับรั้วอิฐมอญหักครึ่ง เมื่อเปิดน้ำจะช่วยเพิ่มลูกเล่นได้ ข้อสำคัญคือราคาไม่แพง ประมาณ 1 เดือนความชื้นจะทำให้มีมอสตะไคร่มาเกาะ ช่วงที่ทำจะเว้นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้อย่างมอสเฟิร์นตามแนวช่องอิฐเพื่อ ความเป็นธรรมชาติ โดยเลือกชนิดที่ชอบความชื้น และตำแหน่งปลูกไม่ควรมีน้ำขัง เพียงแต่ให้ชื้นๆ เท่านั้นเป็นพอ"
นอกจากจุดเด่นของสวนบริเวณด้านใน แล้ว ซุ้มประตูซึ่งกั้นแบ่งพื้นที่ระหว่างสนามหญ้าหน้าบ้านกับสวนบริเวณดังกล่าว จะมีส่วนช่วยเพิ่มความน่าสนใจและสร้างความรู้สึกน่าเข้าไปค้นหา
"คิด ว่าอยู่ตรงไหนของบ้าน 180 องศา รอบตัวจะต้องได้มุมมองหมดทุกมิติ ไม่ใช่สวยจากมุมเดียวจะดูแบนๆ แต่หากเป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะเห็นสวยทุกมุม"
เพราะ ต้องการสวนที่ร่มรื่น ในส่วนของซอฟสเคปอย่างต้นไม้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ทั้งนักออกแบบและ เจ้าของบ้านมีส่วนร่วมกันมาโดยตลอด "ต้นไม้ก็ขับรถไปดูตามแหล่งต่างๆ กำหนดให้เป็นไม้ที่อยู่ได้นานใบไม่ร่วง แทบทั้งหมดจึงเป็นไม้ใบ เพราะบริเวณสวนด้านใน แม้จะอยู่ทางทิศใต้แต่ก็ได้ร่มเงาจากตัวตึก จึงได้รับแสงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน การเตรียมการก่อนปลูก เราจะขุดดินเก่าออกลึกประมาณ 30 ซม. เนื่องจากไม่แน่ใจว่าดินเดิมมีวัชพืชหรือเปล่า จากนั้นจึงใส่ดินผสมไปแทนกว่า 500 ถุง เทคนิคการปลูก ในช่วงแรกที่เพิ่งปลูกใหม่จะยังไม่ใส่ปุ๋ย แต่จะให้ฮอร์โมนเร่งรากก่อน รอให้รากเดินจึงค่อยให้ปุ๋ยตาม ต้นไม้จึงเติบโตเร็วและสมบูรณ์ แต่หากให้ปุ๋ยในช่วงปลูกเลยอาจทำให้ต้นไม้ตายได้"
"ทุกครั้งที่ออกไป ซื้อต้นไม้ จะอธิบายให้คุณบุญชูฟังว่าในอนาคตต้นนี้จะสูงได้ถึงเท่าไร จะขับรถไปดูด้วยกันตลอด ไม้แปลกบางต้นซื้อมาทดลองปลูกก่อน หากถูกใจแล้วค่อยขับรถไปซื้อเพิ่มอีก"
นอกจากการไปซื้อต้นไม้ด้วยกันแล้ว คุณบุญชูยังใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการดูแลสวนอีกด้วย
เจ้าของ นวพล ภูวดล
ออกแบบจัดสวน จาตุรนต์ เกตุบุญลือ
เรื่อง "ทิพาพรรณ"
ภาพ ชัยพฤกษ์ ,จิระศักดิ์,วิรุฬ
ดอกไม้บานที่เชิงภู
นอกจาก "บ้านอิงดอย" จะเป็นบ้านสวยแล้วในส่วนของการจัดสภาพแวดล้อม คุณสุวรรณา อาริยพัฒนกุล เจ้าของบ้านและสวนสวยแห่งนี้ ก็ทำได้งดงามและกลมกลืนกับธรรมชาติได้ไม่แพ้กัน อีกทั้งยังแฝงด้วยแนวความคิดที่น่าสนใจและเอื้อประโยชน์ต่อท้องถิ่นด้วย
"ที่ นี่เป็นสถานอนุบาลต้นไม้ และเป็นสถานที่ผลิตไม้ดอกเมืองหนาวทั้งพันธุ์ไทยและต่างประเทศ อากาศที่นี่เย็นเกือบตลอดทั้งปี มีลมพัดตลอดเวลา ทำให้การอยู่อาศัยที่นี่สบาย เลยตัดสินใจว่าน่าจะทำเป็นบ้านพัก แล้วปลูกพรรณไม้ที่เหมาะกับภูมิอากาศบนเขาค้อ เช่น สนสามใบ สนออสเตรเลีย
โร โดเดนดรอน อะซาเลีย กุหลาบพันธุ์ต่างๆ และไม้ที่มีกลิ่นหอมอย่างซ่อนกลิ่นไทย แล้วก็ยังมีผลไม้ชนิดต่างๆ เช่น แมกคาเดเมียนัท พลับ อะโวกาโด สตรอเบอรี่ก็สามารถปลูกที่นี่ได้ดี เลยตัดสินใจเอาที่ 21 ไร่นี้ ทำเป็นโชว์รูมต้นไม้ของบริษัทฯ ด้วย เพื่อจะได้เอาพรรณไม้ต่างๆที่เพาะอยู่รอบๆบริเวณมาลงปลูกให้ลูกค้าได้เห็น เป็นไอเดียว่าจะจัดสวนอย่างไรให้สวยงาม" คุณสุวรรณาเล่าให้ฟัง
"จาก พื้นที่ทั้งหมด แบ่งส่วนที่อยู่ติดถนนเป็นพื้นที่ด้านหน้า 4 ไร่ เพื่อเป็นทางเข้าหลัก มีร้านกาแฟและพื้นที่จำหน่ายต้นไม้ ขณะเดียวกันก็มีส่วนหนึ่งทำเป็นสวนชุมชนสามารถเข้ามาแวะชม มานั่งเล่นพักผ่อน หรือนัดพบปะกันที่นี่ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนให้ความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ที่เป็นสมุนไพรชนิดต่างๆ ถัดเข้ามาด้านในเป็นสวนส่วนกลางประมาณ 9 ไร่ เป็นพื้นที่ เพื่อการพักผ่อน แนวคิดของส่วนนี้คือ จำลองสวนสาธารณะขนาดย่อมขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนัก ได้เห็นความสำคัญของพื้นที่สีเขียวที่จำเป็นสำหรับการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี ให้กับเมือง”
"ถัดเข้ามาเป็นสวนในเขตบ้านพัก เป็นพื้นที่ส่วนที่เหลือ 8 ไร่ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบดอกไม้มาก เพราะฉะนั้นก็เลยอยากทำในแบบที่เราชอบ ประกอบกับที่นี่อากาศดีมากปลูกไม้ดอกงาม ก็เลยอยากจัดสวนให้เหมือนกำลังเพ้นท์ลวดลายดอกไม้เหล่านี้ลงบนผืนผ้าใบ การจัดสวนก็เหมือนการจัดแจกันดอกไม้ ต้องใช้ดอกไม้หลายๆ ชนิดผสมกัน จึงจะออกมาดูดี ชอบอันไหนมากก็ใส่อันนั้นมากหน่อย จะสังเกตเห็นกุหลาบขาวเยอะเลยเพราะชอบดอกไม้สีขาวมาก อีกอย่างรู้สึกว่าที่นี่ท้องฟ้าใหญ่มาก ทำให้ภาพสวนที่ออกมาเห็นท้องฟ้าเยอะ ต้นไม้ที่ปลูกก็ต้องมีโทนสีกลืนไปกับท้องฟ้า เลยออกมาเป็นโทนสีฟ้า ขาว ชมพู และม่วง เพื่อจะไล่โทนสีขึ้นไปถึงท้องฟ้า เป็นสวนแบบอังกฤษ แต่ก็ยังใช้ไม้ไทยผสมเข้าไปด้วย เช่น ซ่อนกลิ่นไทย สิ่งสำคัญที่ทุกสวนต้องมี คือ ทางเดินเพื่อให้มีโอกาสเดินเข้าไปชมรอบๆสวนได้ และเพื่อให้ต้นไม้ทุกต้นได้รับรู้ถึงความเอาใจใส่จากเราจะได้เจริญเติบโต สวนควรมีฟังก์ชัน มีม้านั่งพักผ่อนทุกจุด มีหลายๆ อารมณ์ต่างกันไป ควรมีจุดเบรก จุดพัก ให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไปที่จะเข้าไปถึง
"ถัด จากตัวบ้านไปเป็นสวนสมุนไพร โดยแบ่งเป็นส่วนที่ใช้รับประทานได้กับส่วนที่เป็นยา ส่วนที่ทานได้ ได้แก่ ผักสลัด ฟักแม้ว เสาวรส ถั่วฝักยาว พวกที่ใช้เป็นยาก็ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร เพชรสังฆาต เก๊กฮวย หอมหมื่นลี้ คาร์โมไมล์ ลาเวนเดอร์ ตะไคร้หอม ว่านหางจระเข้ ไพล ขมิ้น พวกที่มีหัวก็สามารถปลูกที่นี่ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น แครอท กระชายดำ กวาวเครือ จะเห็นว่าส่วนนี้เราปลูกใกล้กับบ้านพัก ก็เพื่อเก็บรับประทานได้สะดวก "
ต้นไม้ที่นี่สวยสด เจริญเติบโตงอกงามได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเคล็ดลับตรงนี้คุณ สุวรรณาทิ้งท้ายไว้ว่าอยู่ที่การออกแบบ นักจัดสวนที่ดีจะต้องรู้จักออกแบบสวนให้ยั่งยืน ถ้าออกแบบดีตั้งแต่แรกการดูแลรักษาสวนจะไม่ใช่ปัญหาหนักอกคาใจเจ้าของบ้าน เลยแม้แต่น้อย จะเป็นเพียงแค่การปฏิบัติต่อต้นไม้ใบหญ้าของเราตามวาระเท่านั้น
เรื่อง: "สายสุนีย์"
ภาพ: ชัยพฤกษ์ โพธิ์แดง
เจ้าของ: คุณสุวรรณา อาริยพัฒนกุล
จัดสวน: บริษัท In & Out Landscape จำกัด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)